การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ เช่น โรคภูมิแพ้จมูก หอบหืด หรือแพ้อาหาร นอกจากต้องอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกายแล้ว ยังมีวิธีการทดสอบอีกหลายวิธีเพื่อยืนยันการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา แต่ที่นิยมทำกันมี 2 วิธี คือ

  1. การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergy skin testing)
  2. การเจาะเลือดหาสารก่อภูมิต้านทานที่จำเพาะกับสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด(Serum Specific IgE)

โดยสามารถแบ่งสารก่อภูมิแพ้ออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

  1. สารก่อภูมิแพ้ทางอากาศ เช่น ไรฝุ่นบ้าน แมลงสาบ รังแคสุนัขและแมว หญ้าและวัชพืช สปอร์เชื้อรา เป็นต้น
  2. สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร เช่น นมวัว ถั่วเหลือง ไข่แดง ไข่ขาว แป้งสาลี อาหารทะเล เป็นต้น

โดยทั่วไปสามารถทดสอบได้ทุกเพศทุกวัย  แต่ในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 6 เดือนและในผู้สูงอายุ  อาจให้เป็นผลลบลวงได้เพราะความไวของผิวหนังน้อย

ประโยชน์ของการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้

  1. ทำให้ผู้ป่วยทราบว่าสารก่อภูมิแพ้ชนิดใดเป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ เพื่อจะการกำจัดหรือหลีกเลี่ยงได้ตรงชนิด อันนำมาสู่การควบคุมโรคที่ดียิ่งขึ้น
  2. ถ้าจำเป็นต้องรักษาโดยการฉีดหรือกินสารก่อภูมิแพ้ (Immunotherapy) จะได้เลือกฉีดหรือกินได้ตรงชนิด ซึ่งจะทำให้การรักษาได้ผลดี

การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergy Skin Testing)

การทดสอบวิธีนี้หลักๆ จะมี 2 วิธีคือการสะกิดผิวหนัง (Skin Prick Test) และ การฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (Intradermal Test) ซึ่งวิธีแรกคือการสะกิดผิวหนัง ได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากทำง่าย เร็ว ไม่เจ็บและใช้อุปกรณ์น้อย เสี่ยงต่อการแพ้แบบรุนแรงน้อย

ขั้นตอนวิธีการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังโดยวิธีสะกิด (Skin Prick Test)

  1. ทำความสะอาดผิวหนังที่จะทดสอบ (ท้องแขนหรือหลัง)
  2. ขีดเส้นแสดงตำแหน่งที่จะทำการทดสอบ
  3. ใช้อุปกรณ์ปลายแหลมซึ่งจุ่มในน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่างๆ ร่วมกับ Positive control คือ Histamine และ Negative control คือ น้ำเกลือ (NSS) สะกิดเบาๆ ที่ชั้นหนังกำพร้าบริเวณที่จะทำการทดสอบ
  4. อ่านผลที่เวลา 15 นาทีหลังทำการทดสอบ
  5. เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย แนะนำให้นั่งพักรอดูอาการอย่างน้อย 30 นาที หลังการทดสอบ เพื่อสังเกตอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้

หากผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้นั้น ก็จะเกิดปฏิกิริยาขึ้นเป็นรอยนูน (wheal) และรอยแดง (flare) จากนั้นจะวัดขนาดรอยนูนรายงานผลเป็นหน่วย มม.xมม.(mm x mm)

การเตรียมตัว
1. งดยาแก้แพ้ (Antihistamine) และยาบางชนิดอาจมีส่วนผสมของยาแก้แพ้  เช่น  ยาแก้หวัด  ยาลดน้ำมูก  ยาแก้คัน ยาแก้เมารถ ก่อนมารับการทดสอบเฉลี่ยอย่างน้อย 7 วัน
2. ผู้ป่วยที่มีโรคทางจิตเวชหรือผู้ที่กินยากดภูมิสเตียรอยด์ต้องแจ้งชื่อยาที่รับประทานอยู่ให้แพทย์ที่จะทำการทดสอบทราบด้วย  เพราะยาบางชนิดต้องงดก่อนทำการทดสอบ
3. ควรงดยาสเตียรอยด์ชนิดทาผิวหนัง เนื่องจากอาจมีผลกดปฏิกิริยาการทดสอบ
4. ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนมาทดสอบ

รายละเอียดทดสอบสารก่อภูมิแพ้ทางอาหาร : นมวัว, แป้งสาลี, ไข่ขาว, ไข่แดง, ถั่วเหลือง, ถั่ว, สัตว์ทะเลเปลือกแข็ง, กุ้ง, หอยนางรม, โกโก้, ข้าว

รายละเอียดทดสอบสารก่อภูมิแพ้ทางอากาศ : ไรฝุ่น 2 สายพันธุ์, แมลงสาบ, สุนัข, แมว, เชื้อรา, หญ้า 2 สายพันธุ์ และวัชพืช

การเจาะเลือดหาสารก่อภูมิต้านทานที่จำเพาะกับสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด (Serum Specific IgE)

เป็นการเจาะเลือดประมาณ 3-5 มิลลิลิตร เพื่อหาสารก่อภูมิต้านทานที่จำเพาะกับสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด (Serum Specific IgE) ในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้ทราบว่าผู้ป่วยแพ้สารชนิดใดบ้าง และแพ้ในระดับมากหรือน้อยเพียงใด โดยการเจาะเลือดหาค่า IgE จะเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคผิวหนังหรือมีปฏิกิริยาแพ้ทางผิวหนังง่าย ทั้งนี้ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องงดยาแก้แพ้ก่อนตรวจ รวมถึงยังใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่เจาะเลือด 1 ครั้ง ก็สามารถหาสารก่อภูมิแพ้ได้หลายชนิด การทดสอบด้วยการเจาะเลือดจึงนับว่ามีความปลอดภัย และไม่เสี่ยงต่ออาการแพ้แบบรุนแรง แต่อาจรอผลตรวจหลายวัน

 

ข้อดีและข้อเสียเปรียบเทียบระหว่างการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังและการเจาะเลือด

การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin prick test) การเจาะเลือดเพื่อหาสารก่อภูมิต้านทาน (Serum Specific IgE)
ข้อดี – ทำได้ง่ายและไม่ค่อยก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด

– ทราบผลการทดสอบได้เร็ว

– ผลการทดสอบมีความน่าเชื่อถือได้ดี

– ค่าใช้จ่ายถูกกว่า

– ผลการทดสอบมีความน่าเชื่อถือได้ดี

– ไม่ต้องงดยาแก้แพ้

– ในกรณีแพ้รุนแรงก็สามารถทดสอบได้เลย

– ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะผื่นแพ้หรืออาการแพ้แบบรุนแรง (anaphylaxis)

ข้อเสีย – ต้องงดยาแก้แพ้และยาอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อการทดสอบ

– ในกรณีแพ้รุนแรงต้องรอทดสอบหลังเกิดอาการประมาณ 4-6 สัปดาห์

– อาจได้รับความเจ็บปวดจากการสะกิดผิวหนังและหรือระคายเคืองหรือคันจากปฏิกิริยาการแพ้นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะผื่นแพ้และอาจมีอาการแพ้แบบรุนแรง (anaphylaxis) ได้

– อาจจะได้รับความเจ็บปวดมากกว่า

– ต้องรอผลนานประมาณ 2 สัปดาห์

– ค่าใช้จ่ายสูงกว่า

หมายเหตุ : ทางทีมแพทย์และพยาบาลจะสังเกตอาการผู้ทำการทดสอบอย่างใกล้ชิดและให้การรักษาอาการแพ้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ได้เตรียมแผนการดูแลรักษาไว้แล้ว กล่าวคือ

  • สถานที่ที่จะทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง คือ แผนกผู้ป่วยนอกเด็ก โรงพยาบาลเอกชัย โดยจะมีการเตรียมเครื่องมือ และยาต่างๆ เช่น Adrenaline (ยาหลักที่ใช้รักษาภาวะแพ้รุนแรง) และอุปกรณ์กู้ชีพไว้ทุกครั้ง
  • การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และจะมีทีมแพทย์และพยาบาลคอยสังเกตและติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
  • หากเกิดภาวะแพ้ไม่ว่าจะเป็นแบบรุนแรงหรือไม่รุนแรง จะมีแนวทางปฏิบัติเป็นแบบแผนที่ชัดเจน

โดย พญ.กรวิภา กิตตินนท์ กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านภูมิแพ้เด็ก

ศูนย์กุมารเวช  อาคารกุมารเวช รพ.เอกชัย โทร.1715 ต่อ 9221, 9222

การทดสอบการแพ้อาหารด้วยวิธีรับประทาน

10/02/2022|0 Comments

การทดสอบการแพ้อาหารด้วยวิธีรับประทาน (Oral Food Challenge Test) เป็นการยืนยันการวินิจฉัยโรคที่น่าเชื่อถือมากที่สุด และสามารถให้ความมั่นใจในการรับประทานอาหารแก่ผู้ป่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นการแพ้อาหารในลักษณะเฉียบพลัน (IgE) ที่เกิดขึ้นเร็ว ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงภายหลังรับประทาน หรือ ชนิดไม่เฉียบพลัน (non-IgE) ที่อาจปรากฎอาการภายหลังรับประทานนานหลายชั่วโมงหรือเป็นวัน ขั้นตอนการทดสอบ แพทย์ผู้ทำการทดสอบจะทำการซักประวัติการแพ้อาหาร และ/หรือ อาจพิจารณาให้ทำการทดสอบอื่นๆเพิ่มเติมก่อนการรับประทาน เช่น การทดสอบสารก่อภูมิแพ้โดยการสะกิดผิวหนัง (skin prick test) หรือการเจาะเลือดแบบจำเพาะ เป็นต้น ในการทดสอบการแพ้อาหารด้วยวิธีรับประทาน ผู้ป่วยจะได้รับประทานอาหารที่สงสัยว่าแพ้ / เคยมีประวัติแพ้ ในปริมาณ 5-10 % ของปริมาณที่ควรได้รับ และค่อยๆเพิ่มปริมาณ [...]

การตรวจสารก่อภูมิแพ้ Allergy Screening

26/06/2020|0 Comments

การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ เช่น โรคภูมิแพ้จมูก หอบหืด หรือแพ้อาหาร นอกจากต้องอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกายแล้ว ยังมีวิธีการทดสอบอีกหลายวิธีเพื่อยืนยันการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา แต่ที่นิยมทำกันมี 2 วิธี คือ การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergy skin testing) การเจาะเลือดหาสารก่อภูมิต้านทานที่จำเพาะกับสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด(Serum Specific IgE) โดยสามารถแบ่งสารก่อภูมิแพ้ออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ สารก่อภูมิแพ้ทางอากาศ เช่น ไรฝุ่นบ้าน แมลงสาบ รังแคสุนัขและแมว หญ้าและวัชพืช สปอร์เชื้อรา เป็นต้น สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร เช่น นมวัว ถั่วเหลือง [...]

ตรวจภูมิแพ้ ด้วยการสะกิด

17/06/2020|0 Comments

"ภูมิแพ้" แม้ส่วนใหญ่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ก่อให้เกิดความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ เป็นอุปสรรค ต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน การได้ทราบต้นเหตุของการแพ้จะช่วยผู้ป่วยในการหลีกเลี่ยงสารดังกล่าวได้ถูกต้อง และช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยจนถึงการวางแผนการรักษา ซึ่งโดยทั่วไปสารก่อภูมิแพ้ แบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ สารก่อภูมิแพ้ทางอากาศ เช่น ไรฝุ่นบ้าน แมลงสาบ รังแคสุนัขและแมว หญ้า วัชพืช สปอร์เชื้อรา ฯลฯ และ สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร เช่น นมวัว ถั่วเหลือง ไข่แดง ไข่ขาว แป้งสาลี อาหารทะเล เป็นต้น ในการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ มีวิธีที่นิยม 2 [...]

โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis)

12/06/2019|0 Comments

เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก เด็กๆจะผิวหนังแห้งคันมาก เมื่อมีปัจจัยกระตุ้น เช่น อาหารบางอย่าง สภาพอากาศ สารเคมี การติดเชื้อ การเกา สามารถกระตุ้นให้ผื่นรุนแรงขึ้นได้ การรักษา แนะนำให้รักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง เมื่อผื่นกำเริบแนะนำมาพบแพทย์ เพื่อรับยารับประทาน, ยาทา รวมถึงการดูแลผิว การอาบน้ำ ที่เหมาะสมกับภาวะของผื่นที่พบ ข้อมูลโดย : พญ.ธัญลักษณ์ วิถีธนะวนิช กุมารแพทย์ เฉพาะทางโรงผิวหนังเด็ก รพ.เอกชัย

ภูมิแพ้ อาหารแฝง

20/10/2017|1 Comment

“อาหาร” เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คนเราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่เชื่อหรือไม่คะว่า? อาหารที่เรารับประทาน เพื่อหวังที่จะต้องการพลังงานและสารอาหารจากมันนั้น มันกลับก่อให้เกิดโรคร้ายแก่เราอย่างเงียบ ๆ และโรคที่ว่านี้ก็คือ “โรคภูมิแพ้อาหารแฝง” ด้วยสิ่งแวดล้อมและภาวะที่เร่งรีบของชีวิตคนในยุคปัจจุบัน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เราวนเวียนกับการรับประทานอาหารแบบเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ ซึ่งการรับประทานอาหารซ้ำ ๆ แบบเดิมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ นั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้อาหารแฝงนั่นเองค่ะ โรคภูมิแพ้อาหารแฝงนี้แตกต่างจากโรคภูมิแพ้อาหารอย่างที่เรารู้จักกัน การแพ้อาหารนั้น เป็นการตอบสนองของร่างกายกับสารบางชนิดในอาหาร ทั้ง ๆ ที่สารนั้นไม่ได้เป็นสารพิษแต่อย่างใดค่ะ ซึ่งการแพ้อาหารโดยทั่วไปมักเกิดอย่างฉับพลันทันที หรือเว้นระยะเพียงเล็กน้อยหลังรับประทาน ต่างจากโรคภูมิแพ้อาหารแฝง ที่ไม่มีการแสดงออกถึงอาการแพ้แต่อย่างใด ส่วนโรคภูมิแพ้อาหารแฝงนั้น ไม่ได้แสดงอาการเฉียบพลันทันทีทันใด แต่จะค่อย ๆ สะสมเป็นภัยคุกคามอย่างเงียบ ๆ โดยอาหารจะไปกระตุ้น [...]