โรคหัวใจและหลอดเลือดทำให้คนทั่วโลกเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทยโรคหัวใจเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตอันดับต้นๆ เช่นกัน ข้อมูลในปี พ.ศ. 2567 พบว่า มีคนไทยเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึง ชั่วโมงละ 8 คนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะโรคนี้ส่วนใหญ่เป็นการเสียชีวิตแบบกะทันหัน ในบางท่านอาจไม่ทราบด้วยว่าตนเองเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดเนื่องจากโรคนี้อาจไม่มีอาการมาก่อน
ศูนย์โรคหัวใจโรงพยาบาลเอกชัย มีความพร้อมที่จะดูแลสุขภาพหัวใจของท่าน ให้บริการตั้งแต่การตรวจคัดกรองวินิจฉัยโรคหัวใจและหลอดเลือดในระยะเริ่มต้น การรักษาโรคทั้งในภาวะปกติ และ ภาวะวิกฤติ มีแพทย์และพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญและมรประสบการณ์ ให้การดูแลรักษาภาวะวิกฤติตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ห้องปฏิบัติการสวนหัวใจ ห้องผ่าตัดหัวใจ รวมไปถึง Cardiac Care Unit (CCU) ซึ่งเป็นห้องที่ดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดโดยเฉพาะ
การบริการของศูนย์หัวใจโรงพยาบาลเอกชัย
1.การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นการตรวจคัดกรองโรคเบื้องต้นประกอบด้วยเครื่องต่างๆ ดังนี้
- เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiography, EKG) เป็นการตรวจกระแสไฟฟ้าที่ออกมาจากกล้ามเนื้อหัวใจ เป็นการตรวจคัดกรองการทำงานของหัวใจเบื้องต้น หากผิดปกติแนะนำพบแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม
- เครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง ( Echocardiogram) การตรวจด้วยเครื่องมือชนิดนี้จะทำให้เห็นภาพการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อหัวใจ ขนาดของหัวใจ รวมถึงการทำงานของลิ้น(Value)ส่วนต่างๆของหัวใจ ทำให้การวินิจฉัยได้แม่ยำมากขึ้น
- เครื่องตรวจสมรรถภาพการทำงานของหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test) เป็นการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และความดันโลหิต ขณะออกกำลังกาย การตรวจเครื่องนี้จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้แม่นยำมากขึ้น
2.ห้องปฏิบัติการสวนหัวใจ (Cardiac Catheterization Laboratory)
ห้องปฏิบัติการสวนหัวใจโรงพยาบาลเอกชัย ประกอบด้วยเครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย พร้อมด้วยทีมงานแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่มีประสบการณ์ พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ให้การวินิจฉัยและรักษาด้วยหัตถการต่างๆ ดังนี้
- การฉีดสีวินิจฉัยภาวะตีบตันของหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Angiography,CAG)
- การฉีดสีและขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนหรือ การใส่ขดลวด (Percutaneous Coronary Intervention,PCI)เพื่อรักษาผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
- การตรวจสรีระวิทยาไฟฟ้าหัวใจ(Electrophysiology Study, EPS) และการจี้ไฟฟ้าหัวใจด้วยคลื่นความถี่วิทยุ(Radiofrequency Ablation, RFA) เพื่อรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- การตรวจสรีระวิทยาไฟฟ้าหัวใจ(Electrophysiology Study, EPS) และการประเมินหาตำแหน่งจุดกำเนิดไฟฟ้าหัวใจที่ผิดปกติแบบ 3 มิติ (CARTO System) ทำให้การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแม่นยำมากขึ้น
- การใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดถาวร (Permanent Pacemaker)แก้ไขภาวะหัวใจหยุดเต้นชั่วคราว
- การใส่เครื่องช็อคไฟฟ้าอัตโนมัติชนิดฝังติดตัวผู้ป่วย (Automatic Implantable Cardioverter Defibrillator, AICD) สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจที่เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง การใส่เครื่องนี้ติดตัว จะช่วยให้สัญญาณไฟฟ้าหัวใจที่เต้นผิดจังหวะกลับมาปกติในทันทีล
- การใส่เครื่องช่วยการเต้นของหัวใจชนิดกระตุ้นหัวใจในภาวะหัวใจล้มเหลว (Cardiac Resynchronization Therapy Defibrillator, CRT-D) การฝังเครื่องนี้จะช่วยให้หัวใจห้องล่างทำงานประสานกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของหัวใจและเพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยบรรเทาอาการหัวใจล้มเหลวได้เป็นอย่างดี
- การปิดหลอดเลือดเกินที่เชื่อมต่อระหว่างหลอดเลือดแดงใหญ่กับหลอดเลือดดำที่ปอด(Patent Ductus Arteriosus(PDA) Closure Device) แก้ไขภาวะเส้นเลือดหัวใจเกิน เป็นเส้นเลือดที่เชื่อมระหว่างหลอดเลือดดำใหญ่ และหลอดเลือดแดงใหญ่ที่ออกจากหัวใจ มักพบในเด็กทารกแรกเกิด
3. ห้องที่ใช้ทำการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด (Cardiac Care Unit)
เป็นห้องที่ใช้สำหรับดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งผู้ป่วยหลังทำหัตถการสวนหัวใจ หรือผ่าตัดหัวใจ เป็นห้องที่แยกเป็นส่วนตัวพร้อมบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจในภาวะวิกฤติ รวมถึงเครื่องมือ เครื่องใช้ที่ทันสมัย ได้แก่
- เครื่องพยุงหัวใจและระบบไหลเวียนเลือดด้วยบอลลูน (Intra-aortic Balloon Pump, IABP) เป็นเครื่องที่ช่วยพยุงการทำงานของหัยใจขณะผู้ป่วยมีภาวะหัวใจล้มเหลว
ติดต่อสอบถาม
โทร.1715 ต่อ 9252, 9253 (เวลา 08.00 – 16.00 น. ทุกวัน)