Spatz Slim คือ นวัตกรรมแห่งการลดน้ำหนักด้วยวิธีการใส่บอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหาร เป็นนวัตกรรมแห่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารที่ได้รับการยอมรับจาก ต่างประเทศมาเป็นระยะเวลานาน ที่คุณจะได้รับผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องในการลดน้ำหนัก ภายในระยะเวลา 1 ปี คุณจะมีน้ำหนักที่ลดลงถึง 10 – 20 กก. ด้วยวิธีการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารผ่านการส่องกล้อง ซึ่งการส่องกล้องนี้จะเหมือนกับการส่องกล้องในกระเพาะอาหารทั่วไป พฤติกรรมในการทานจะเปลี่ยนไปในระยะยาว
ผู้ที่เหมาะสำหรับการลดน้ำหนักแบบ Spatz Slim
• ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานตามค่าดัชนีมวลกาย (BMI จะต้องไม่ต่ำกว่า 27)
• ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องทานยาลดความอ้วน
• ผู้ที่หมดหนทางกับการออกกำลังกาย อดอาหาร

obalon

ผลลัพธ์ที่ได้จากการลดน้ำหนักด้วย Spatz Slim
• จะทำให้รู้สึกอิ่มเป็นระยะเวลานาน หรืออาจจะอิ่มตลอดเวลาได้ ทำให้ทานได้น้อย
• ภายใน 6 เดือน ค่าเฉลี่ยน้ำหนักจะลดลงได้ถึง 16 กก.
• ภายใน 1 ปี ค่าเฉลี่ยน้ำหนักจะลดลงได้ประมาณ 20-25 กก.

ขั้นตอนการใส่บอลลูน Spatz Slim
เมื่อคนไข้หลับ จะทำการส่องกล้องนำลูกบอลลูนที่มีลักษณะเป็นซิลิโคนเข้าไปในกระเพาะอาหาร จากนั้นทำการใส่น้ำที่ผสมสารสีฟ้าชื่อว่า เมธิลีนบลู เข้าไป แล้วจึงนำกล้องออก เมื่อถึงระยะเวลา 6 เดือน หลังจากที่ใส่บอลลูนเข้าไปแล้ว จะต้องทำการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก สามารถ เพิ่ม – ลด ปรับขนาดบอลลูนได้ตามความต้องการ โดยจะต้องอยู่ภายใต้การพิจารณาของแพทย์ เมื่อครบ 1 ปี จึงจะทำการส่องกล้องนำลูกบอลออกมา

Credit: http://www.simplyweight.co.uk

ขั้นตอนการนำบอลลูน Spatz Slim ออก
การเอาบอลลูนออก จะมีวิธีการปล่อยน้ำที่ผสมสารสีฟ้าชื่อว่า เมธิลีนบลู ในลูกบอลลูนออกก่อน จากนั้นก็ทำการส่องกล้องเพื่อนำซิลิโคนบอลลูนออกมา ในส่วนของน้ำที่ถูกปล่อยออกมาจากลูกบอลลูนนั้นจะถูกขับถ่ายออกไปตามกลไกของ ร่างกายได้เองทางปัสสาวะ แต่หากท่านมีน้ำหนักที่ลดลงตามความต้องการแล้ว (อาจจะก่อน 1 ปี) ก็สามารถน้ำบอลลูนออกได้ก่อน

images
Credit : http://www.simplyweight.co.uk

ผลข้างเคียง และ การดูแลหลังจากการทำ Spatz Slim
ผลข้างเคียงการรักษาอาจเป็นมากในช่วงแรกๆ ของการใส่บอลลูน โดยผู้ป่วยจะรู้สึกแน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน เพราะยังไม่ชินกับการมีบอลลูนเข้าไปอยู่ในกระเพาะอาหาร และจะรู้สึกแน่นท้องประมาณ 3 วันโดยเฉลี่ย แต่ไม่เกิน 7 วัน ซึ่งเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีถ้าผู้ที่เข้ารับการรักษามีอาการแบบนี้ ไม่ต้องตกใจ จากนั้นอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับจนเป็นปกติ แพทย์จะประเมินอาการผู้ป่วยและให้ยาเพื่อช่วยลดอาการแน่นท้อง คลื่นไส้ หลังจากนั้นเมื่อคนไข้ปรับตัวได้อาการต่างๆ ก็จะทุเลาลง

ข้อห้ามในการทำ Spatz Slim
• ผู้ที่มีความผิดปกติของกระเพาะอาหารอย่างร้ายแรง เช่น ผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อนขั้นรุนแรง
• ผู้ที่เคยผ่าตัดกระเพาะ และ หลอดอาหารมาก่อน
• ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือ ผู้ที่ต้องกินยาละลายลิ่มเลือด
หมายเหตุ : จะต้องทำการแจ้งโรคประจำตัวให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทราบ อย่างชัดเจน
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่แผนก ศัลยกรรม
สอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์ลดน้ำหนัก โทร. 1715 หรือโทร. 034-417-999 ต่อ 132,133